แต่เดิมในสมัยโบราณ ผักพื้นบ้านของประเทศไทยเรามีอยู่ไม่กี่ชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเช่น ผักบุ้ง ตำลึง พริกไทย ฯลฯ ครั้นอยู่มาในยุคสมัยก่อนที่จะเริ่มก่อตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี คนไทยอยู่กันกระจัดกระจายตามหัวเมืองต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ , นครสวรรค์ , พิษณุโลก , ปากช่อง และ ลาดปลาเค้า ต่อมากษัตริย์ของไทยได้ก่อตั้งเมืองสุโขทัยขึ้นเป็นเมืองหลวง เพื่อรวบรวมให้หัวเมืองต่าง ๆ ความเจริญก้าวหน้าและวิวัฒนาการ จึงได้เกิดขึ้นตามมาเรื่อย ๆ ช่วงนั้นเองที่เริ่มมีฝรั่งทางตะวันตกเข้ามาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับกรุงสุโขทัย วัฒนธรรมการกินและอาหารรูปแบบใหม่ ๆ ก็ได้เข้ามาในประเทศ โดยสิ่งหนึ่งที่ชาวฝรั่งจากทางตะวันตกนำเข้ามาก็คือ หมูกรอบ นั่นเอง คนไทยยังไม่รู้จักวิธีการทำหมูกรอบ คนไทยรู้จักแต่วิธีการเชือดหมูเพื่อเอามาต้ม / แกง / ผัด กับผัก จนกระทั่งมีท่านทูตชาวฮอลันดาคนหนึ่ง นำวิธีการทอดหมูด้วยน้ำมันพืชมาสอนให้แก่แม่ครัวคนไทย คนไทยเลยเริ่มรู้จักหมูกรอบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอเริ่มมีหมูกรอบเข้ามา คนไทยก็หาทางกินหมูกรอบให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีที่จะกินหมูกรอบให้อร่อยก็คือ เอาหมูกรอบไปผัดรวมกับผัก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ผักพื้นเมืองของคนไทยเป็นผักใบอ่อน เมื่อนำมาผัดรวมกับหมูกรอบที่มีความแข็ง กว่าที่หมูกรอบจะสุกได้ที่ก็จะทำให้ผักเหล่านั้นเหี่ยว ย่น ไม่น่ารับประทาน และแล้วในวันหนึ่งทิดอ๋า ( ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาเกษตรเจริญอ๋า ผู้เป็นกรมหมื่นเจ้านาคนแรก ที่มีศักดิ์เทียบเท่ากับอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรในปัจจุบันนี้เอง ) ทิดอ๋าได้ทดลองค้นคิดที่จะปลูกผักประเภทใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อให้คนไทยได้กินกัน โดยทิดอ๋าได้ลองเอาผักพื้นเมือง ของไทยมาทำการติดตา , ทาบกิ่ง , ต่อยอด , มัดรวม เพื่อนำเนื้อเยื่อไปทำการปลูกขึ้นมาใหม่ สำหรับพัฒนาสายพันธุ์ผักประเภทใหม่ขึ้นมาให้ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งทิดอ๋า ก็สามารถเพาะพันธุ์ผักประเภทใหม่ขึ้นมาได้สำเร็จ โดยผักที่ทิดอ๋าเพาะพันธุ์ขึ้นมาได้ใหม่นี้ ลำต้นเป็นสีเขียวมีความแข็งที่เปลือกนอก แต่มีเนื้ออ่อนนุ่มที่เนื้อก้านใบข้างใน ซึ่งใบของผักชนิดนี้จะเป็นใบใหญ่ มีสีเขียวเข้ม และมีความกรอบซ่อนอยู่ในใบด้วย ในการนี้เองทำให้ทิดอ๋าดีใจเป็นอย่างมาก ทิดอ๋าจึงให้แดงต้อย ผู้เป็นบุตรสาวของเขา นำผักชนิดใหม่นี้ไปให้แก่ อำแดงอวบ ผู้เป็นน้องเมียของเขาที่อยู่ต่างเมือง ( ซึ่งในภายหลัง อำแดงอวบ ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น คุณผู้หญิงอวบอั๋น โดยทำหน้าที่เป็นนางกองแม่ครัวในวังหลวง ซึ่งเทียบเท่ากับผู้อำนวยการสำนักงานโภชนาการในปัจจุบันนี้เอง ) เพื่อที่จะได้ลองกินผักชนิดใหม่นี้ดู ทิดอ๋า " แดงต้อย เอาผักนี้ไปให้น้องสาวแม่เอ็งเร็ว " แดงต้อย " ได้ค่ะ ... พ่อ " แล้วแดงต้อยก็รีบออกเดินทางไปยังต่างเมือง เมื่อแดงต้อยได้เดินทางไปถึงบ้านของอำแดงอวบที่เป็นน้องเมียของคุณพ่อเธอแล้ว เธอก็รีบยื่นผักประเภทสายพันธุ์ใหม่นี้ให้แก่ผู้เป็นน้าสาวของเธอในทันที อำแดงอวบ " อ้าว ... แดงต้อยมาหาน้า ทำไมรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาขนาดนี้เลย " แดงต้อย " คุณพ่อให้รีบเอามาให้ค่ะ " อำแดงอวบ " อะไรล่ะ " แดงต้อย " ผักค่ะ ... น้า " อำแดงอวบ " แดงต้อย หลานเอาอะไรมาให้น้านะ " แดงต้อย " ผักค่ะ ... น้า คุณพ่อให้เอามาให้ค่ะน้า " อำแดงอวบ " ผักคะน้าเหรอ ชื่อแปลกดีจัง ไหนลองเอามาผัดกับหมูกรอบดูสิ " แล้วอำแดงอวบก็เอาผักสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า " ผักคะน้า " ไปทดลองผัดกับหมูกรอบในทันที หลังจากนั้นเป็นต้นมา คนไทยเราก็ได้กินเมนูอาหารยอดอร่อยก็คือ ผัดคะน้าหมูกรอบ เรื่อยมา และผักสายพันธุ์ใหม่ ที่มีชื่อว่า " ผักคะน้า " ก็กลายเป็นผักพื้นบ้านของไทยเราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเช่นกัน เพราะมาจากคำว่า ผัก ค่ะน้า เลยเพี้ยนไปเรียกว่า ผักคะน้า
|